รีวิวเรียนต่อ MSc Tourism and Marketing, University of Lincoln

รีวิวเรียนต่อ MSc Tourism and Marketing, University of Lincoln
  Before arriving to study Master degree in the University of Lincoln.  สวัสดีค่ะเพื่อนๆ น้องๆ ที่สนใจอยากจะศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษทุกคน  กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ สาเหตุที่มาเขียนกระทู้นี้ก็เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ และทุกคนที่สนใจอยากจะศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษและอยากจะช่วยโปรโมทเมือง Lincoln และมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่า เรามีความฝันที่อยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะบ้านอยู่ใกล้สนามบิน จึงชอบมองเครื่องบินและจินตนาการไปว่า วันหนึ่ง ฉันจะต้องออกเดินทางไปเห็นโลกกว้างให้ได้เลย ดังนั้น ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ เราจึงทำงานเก็บเงินเอง และฝึกฝนภาษาอังกฤษของตัวเองจนสอบ IELTS ผ่านเกณฑ์และเคลียร์ภาระทุกอย่างเพื่อทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ก็เลยอยากจะฝากถึงทุกคนที่มีความฝันที่อยากจะเรียนต่อต่างประเทศว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียนนะคะ ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจและความพยายามของตนเองว่าจะมุ่งมั่นและยังมีไฟอยากที่จะทำตามความฝันของตัวเองอยู่หรือไม่?”  ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ เอาละเรามาเริ่มเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ เราสนใจเรียนทางด้าน Tourism Management ซึ่งตอนนั้นก็ส่งใบสมัครไปหลายมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากเราตั้งใจจะไปเรียนช่วงต้นเดือน ม.ค. หรือ ก.พ. ปี 2019 ซึ่งไม่ค่อยมีมหาวิทยาลัยเปิดรับนักศึกษาในช่วงนี้ (ส่วนใหญ่การศึกษาอังกฤษจะเปิดเรียนเดือน ก.ย.) ดังนั้น จึงมีมหาวิทยาลัยที่ส่ง offer letter ตอบกลับมาอยู่ 3 ที่ด้วยกันคือ 1. Sheffield Hallam University 2. Bournemouth University 3. University of Lincoln The reasons why I chose University of Lincoln, UK and scholarships for Thai students เราได้ทุนการศึกษาทั้ง 3 มหาวิทยาลัยค่ะ แต่ตัดสินใจเลือกเรียนที่ University of Lincoln ด้วยข้อเสนอที่ลงตัวมากกว่าที่อื่น ๆ คือ 1. ให้เรียน pre-sessional course free 5 weeks (เฉพาะ นศ. ที่สมัครรอบ February) 2. เวลาที่ต้องการไปเรียนนั้นลงตัวกับงานที่หมดสัญญาพอดี, และ 3. ได้รับทุนการศึกษา £5,000 เหตุผลที่เลือกมาเมืองนี้เพราะที่นี่เป็นเมืองขนาดเล็ก สามารถเดินถึงกันได้หมดทุกที่ ซึ่งมีค่าครองชีพต่ำกว่าเมืองใหญ่ในแถบตอนใต้ของสหราชอาณาจักรค่ะ หากใครที่สนใจอยากจะมาอยู่เมืองเล็ก ๆ และต้องการความสงบ ไม่ชอบความวุ่นวาย แนะนำว่า Lincoln ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ ด้านล่างนี้เป็นรูป Lincoln Cathedral, Lincoln Castle, และย่าน High Street ใจกลางเมือง Lincoln นะคะ รูปแรกคือ มหาวิหารลินคอร์น หรือ Lincoln Cathedral นักศึกษาที่เรียนจบจาก University of Lincoln จะเข้าพิธีรับปริญญาบัตรกันที่นี่ค่ะ อันนี้ถ่ายที่งาน Lincoln Christmas Market เมื่อวันที่ 5-8 Dec 2019 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ คนเลยจะดูคึกคักเป็นพิเศษ ส่วนรูปนี้คือ Lincoln Castle ซึ่งอยู่ตรงข้าวกับ Lincoln Cathedral เลย   รูปนี้ เรียนกว่า Steep hill นะคะ เป็นทางขึ้น-ลง เวลาที่จะขึ้นมาที่  Lincoln Cathedral หรือลงไปยัง ถนน Hight street ถ้าใครมารับรองเลยว่า ฝึกกำลังขาสมชื่อ Steep Hill เลยค่ะ รูปนี้เป็นทางขึ้นไป Lincoln Cathedral , และ Lincoln Castle ค่ะ       ส่วนรูปนี้เป็นถนน Hith Street ค่ะ ถ้าเราเดินลงมาจาก Steep Hill เรื่อยๆ ก็จะลงมาเจอถนนเส้นนี้พอดีค่ะ ถนน high street เป็นย่านช้อปปิ้งใจกลางเมือง Lincoln ที่บริเวณนี้ ถ้าเสาร์ – อาทิตย์ไหนอากาศดี ๆ ก็จะมีนักดนตรีอิสระหรือศิลปินมาโชว์เปิดหมวกให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาชม ในรูปเป็นกลุ่มคนใส่ชุดทหารแล้วยืนตัวแข็งทื่ออยู่เป็นเวลานาน บางทีก็จะทำท่าเคลื่อนไหวให้เราตกใจสักทีหนึ่ง และถ้าเราถูกใจก็ไปหย่อนเงินให้เขาเป็นกำลังใจค่ะ ส่วนที่เห็นเป็นตึกเก่าแก่นี้เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ค่ะ ตึกนี้เป็นที่ตั้งของร้านคาเฟ่ชื่อดังของเมือง Lincoln นั่นคือ Stoke Tea & Coffee ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1902 เลยทีเดียว หากใครได้มาที่นี่ขอแนะนำให้สั่ง Cream Tea นะคะ รับรองไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ กลับมาเข้าเรื่องวีซ่าต่อ เพราะรู้สึกว่าจะนอกเรื่องไปไกลเลยเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ขั้นตอนการตรวจปอดที่ IOM ก่อนการยื่นวีซ่า Before visa submission / IOM พอทราบผลว่าได้รับทุนและได้ offer letter จากทางมหาวิทยาลัยแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปก็คือ เราต้องไปตรวจปอดเพื่อค้นหาวัณโรคค่ะ หรือ ที่เรียกกันว่า IOM ค่ะ ค่าธรรมเนียมราคา 3,800 บาท (ข้อมูลปี 2018) น้อง ๆ ควรเผื่อเวลาตรวจและผลการตรวจปอดไว้ด้วย สมมติในกรณีที่ถ้าเอกซเรย์แล้วเจอจุดดำ ๆ ที่ปอดก็ต้องเอกซเรย์ใหม่จนกว่าจะผ่านนะคะ ไม่งั้นจะไม่สามารถนำผลการตรวจไปยื่นทำวีซ่าได้ค่ะ เพราะฉะนั้น เราต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้ ฮึ่บ ๆ จะได้ตรวจทีเดียวผ่านฉลุย อันนี้เป็นลิงค์เว็บไซต์ของ Thailand IOM นะคะ https://thailand.iom.int/health-services  On the way to University of Lincoln, UK หลังจากเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาบินลัดฟ้าไปประเทศอังกฤษแล้วจ้า จำได้ว่าบินช่วงปีใหม่พอดี เครื่อง Delay ที่สนามบินสุวรรณภูมิไปครึ่งชั่วโมงแน่ะ วิ่งไปต่อไฟลท์แทบไม่ทันเลย อ่อ ลืมบอกไปว่า ทางมหาวิทยาลัย มีบริการ airport pickup ด้วยนะคะ แต่ต้องจองตั๋วเครื่องบินให้ไปลงในวันและเวลาก่อนที่จะถึงวันนั้นค่ะ ปกติแล้วทางมหาวิทยาลัยจะไปรับที่ Heathrow airport ในวันเสาร์ก่อนที่เราจะต้องลงทะเบียนเรียนค่ะ รถจะไปถึงและรอรับนักเรียนทั้งหมดตั้งแต่เวลา 8.00 – 14.00 แต่เราหาตั๋วไปวันนั้นไม่ได้เลยจำเป็นต้องไปลงที่ Manchester ก่อนแล้วค่อยนั่งรถไฟต่อไปที่มหาวิทยาลัยเอง ในวันนั้นจะมีตัวแทนนักเรียนไทยไปรับด้วยนะคะ ไปถึงจะเจอ student ambassadors แต่ละชาติยืนถือป้าย University of Lincoln กันแบบนี้เลยค่ะ ก่อนจบกระทู้แรกก็ขอฝาก Tips เล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นการเตรียมตัวเผื่อใครที่กำลังจัดกระเป๋าเดินทางอยู่นะคะ Tips and Things to prepare before departure to Lincoln, UK  

  1. Adapter ค่ะ หาซื้อได้ตามห้างทั่วไป แนะนำว่าให้ซื้อแบบหัวปลั๊กทั่วโลกดีกว่าเผื่อเอาไปเที่ยวยุโรปได้ด้วย และควรซื้อมาเผื่อสัก 2 อัน spare ไว้อันนึง เผื่ออันนึงเสียจะได้มีอีกอันสำรองไว้ค่ะ ปลั๊กที่ UK จะมี 3 ขาตามรูปแบบนี้นะคะ 2. ปลั๊กพ่วง บางคนอาจคิดว่าไม่สำคัญแต่เราแนะนำเพราะว่าจะได้เสียบอะไรได้หลายอย่างและสายก็ยาวดีด้วยค่ะ 3. เครื่องเขียนต่าง ๆ (ปากกาหลากสี, ดินสอ, ไส้ดินสอ, ลิควิด ฯลฯ) และแฟ้มใส่เอกสาร ถ้ามีก็แนะนำให้เอามาด้วยค่ะ หรือถ้าไม่ได้เอามาก็สามารถหาซื้อได้ทีร้าน Wilko, Poundland, Tesco ค่ะ ซึ่งร้านที่บอกมาทั้งหมดนี้อยู่ใกล้กับแคมปัส สามารถเดินได้ประมาณ 10 นาทีถึงค่ะ 4. รองเท้าแตะ (ถ้าไม่ได้เอามาจะมาซื้อที่นี่ก็แนะนำให้ไปซื้อที่ร้าน Primark ได้) ร้าน Primark ตั้งอยู่ที่ Hight street ค่ะ 5. ของกินไทย ๆ สำหรับทำกับข้าว เช่น น้ำปลา, ขนม, น้ำพริกต่าง ๆ (สำหรับคนที่ทานเผ็ด และเบื่ออาหารฝรั่ง), บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ผงโลโบเอาไว้ทำกับข้าว(อันนี้มันช่วยได้มากจริง ๆ สำหรับคนที่ทำกับข้าวไม่เป็นอย่างเรา 555) ,โจ๊กซอง เรานี่เอามาเยอะเลยเพราะเรื่องกินเรื่องใหญ่มากกก สำหรับเครื่องครัว เช่น  น้ำปลา, น้ำมันหอย แนะนำว่าไม่ต้องขนมานะคะเพราะมีร้านเอเชียของคนจีนชื่อร้านMorning Sun ตั้งอยู่ที่ high street ราคาก็ไม่แพงมากด้วยค่ะ ร้าน Morning Sun Supermarket Asia อยู่ตรง ถนน high street

ข้าวหอมมะลิ(อร่อยและนุ่มมาก ๆ) ราคาอยู่ที่ £16.5 for 5 kilogramms น้ำปลา น้ำจิ้มไก่ มีหมดเลยจ้า รับรองมาแล้วไม่อดแน่นอน แต่ถ้าอยากทานอาหารไทยจริง ๆ ที่นี่ก็มีร้านอาหารไทยใหญ่ ๆ ทั้งหมด อยู่ 4 ที่ คือ 1.  Thai Marina อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากที่สุดตรง Brayford Pool ค่ะ 2. Thai Corner Restaurant ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับ Lincoln Castle ร้านต้องเดินเข้าไปในซอยอยู่ตรงหัวมุมเลยมีชื่อว่า Thai Corner นั่นเอง 3. Thailand No. 1 restaurant ร้านนี้อยู่ตรงถนน Bailgate เดินเลย Lincoln Cathedral ไปหน่อยนึงค่ะ 4. Chef Pong ร้านนี้เป็นร้าน takeaway ราคากันเองเป็นที่นิยมมากในหมู่นักศึกษาเอเชียโดยเฉพาะ นักเรียนเวียดนาม, ไทย, หรือจีน ค่ะ ร้านนี้อยู่เส้น high street เหมือนกันแต่อยู่ตรงหัวมุมถนนตามภาพเลยค่ะ แต่ถ้าอยากสั่งแล้วทานเลยเขาก็มีโต๊ะให้นั่งอยู่นิดหน่อยนะคะ

แนะนำร้านอาหารกันไปทั้งหมดแล้ว เรามาดูข้อต่อไปเลยดีกว่าเนอะ 5. ภาชนะสำหรับใส่อาหารแบบง่าย ๆ ช้อนส้อม, และกล่องข้าวเอาไว้ใส่ข้าวไปทานทีมหาวิทยาลัย (สำหรับคนชอบทำกับข้าวนะคะ) 6. Winter clothes แนะนำว่าเตรียมมาไม่ต้องเยอะ เพราะมาซื้อที่นี่เอาก็ได้ค่ะราคาไม่แพงและคุณภาพดีกว่าโดยเฉพาะตอน sale ที่ Lincoln ก็มีหลายแบรนด์ เช่น H&M, Top Shop, Next, New Look ฯลฯ อยู่ในห้าง Waterside Shopping Centre 7. ถุงเท้านี่แนะนำว่าให้เอามาหลายๆคู่เลยเพราะใส่ตลอดทุกวัน กลางคืนก็ต้องใส่ 8. ร่ม อันนี้ขาดไม่ได้เพราะอังกฤษฝนตกตลอดเวลา แนะนำว่าให้ซื้อแบบที่ก้านร่มแข็งแรงหน่อยเพราะที่นี่ลมแรงค่ะ เรานี่ลืมเอามาเลยจำเป็นต้องซื้อที่นี่แล้วก็พังไปแล้วเพราะแรงลม 5555 9. เอกสารทางการศึกษาของเราทั้งหมดแนะนำว่าให้เอาตัวจริงติดมาด้วยนะคะเผื่อว่าวันที่ลงทะเบียนเรียน เจ้าหน้าที่เขาจะขอดูค่ะ ถ้าใครเปลี่ยนชื่อ – นามสกุลมาก็ให้เอาใบแปลติดมาด้วยนะคะ 10. เตรียมใจให้พร้อมเจอกับสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ดีเพราะเวลามันผ่านไปเร็วมากจริง ๆ ค่ะ

สุดท้าย ขอบคุณพี่ BRIT-Ed มากค่ะ รู้จัก Brit Education UK ครั้งแรก เพราะเรียนภาษาอังกฤษปรับพื้นฐานกับที่นี่ด้วย และต่อมาก็มีรุ่นพี่แนะนำให้ติดต่อเรื่องเรียนต่อกับคุณแนน ค่ะ พอติดต่อไปก็ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ คุณแนน ให้คำปรึกษาดีมาก พยายามช่วยทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องหามหาวิทยาลัยในสาขาที่เราต้องการจะไปเรียนแบบไม่บังคับและไม่โน้มน้าว คือ ให้ choice มาแล้วเราก็ตัดสินใจเองว่าที่ไหนเหมาะกับตัวเรามากที่สุด รวมไปถึง แนะนำเรื่องทุน  และความใส่ใจในการตอบคำถามหรือการติดตามเอกสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น statement หรือ การขอวีซ่า เพื่อให้เราสามารถยื่นเรื่องขอวีซ่าได้ทันตามเวลาที่กำหนด ประทับใจการบริการของที่นี่มากค่ะ BRIT-Ed เป็นมากกว่า เอเจนซี่ทั่วไปดูแลเหมือนเป็นพี่น้อง หรือ เพื่อนที่คอยให้คำปรึกษากันอย่างจริงใจค่ะ ^_^

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเรียน ติดต่อพี่ๆ BRIT-Ed ได้ที่ Line ID: @brit-ed Tel: 02-168-7890, หรือลงทะเบียนที่แบบฟอร์มด้านล่างบริการทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ

ลงทะเบียนร่วมงาน

  • ข้อมูลส่วนตัว

  • หลักสูตรที่สนใจศึกษาต่อ